เรื่องนี้เกิดจากแรงบันดาลใจในการเขียนจากผู้หญิงผู้เป็นที่รักคนหนึ่งซึ่งก็คือ แม่ มันอาจจะดราม่านิดๆแต่มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจและความเป็นครอบครัวที่ทั้งพ่อ ทั้งแม่ เรียนจบจากเมืองนอก จึงอยากจะเขียนเพื่อบันทึกไว้และให้ผู้ที่สนใจเข้ามาอ่าน และเรื่องนี้จะสอนคุณว่า ความพยายามคือหนทางแห่งความสำเร็จเสมอไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากขนาดไหน
เข้าเรื่องกันเลยนะครับ แม่จบคณะรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงภายใน 3ปี และมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะไปเรียน ใช้ชีวิตเมืองนอกดูสักครั้งในขณะที่ครอบครัวของแม่ยังไม่ได้มีเงินมากพอที่จะส่งไปเรียนเมืองนอก แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเลขแดงๆในบัญชีคือหนี้สินที่มี แม่เตีรยมเอกสารทุกอย่างเพื่อที่จะไปขอวีซ่า ในครั้งแรกได้ไปขอที่สถานฑูตสหรัฐก่อน เพราะคิดจะตามป้าไป ก็แน่นอนว่าไม่ผ่านเนื่องจากไม่มีเงินใน support การอยู่ที่เมืองนอก จึงไปขอวีซ่าที่อังกฤษโดยการหาช่องทางการยืมเงินมาจากที่อื่นเพื่อแต่งบัญชีให้ดูน่าเชื่อถือ แม่มีเงินติดตัวแค่ 30000 บาท แม่บอกทั้งคุณตา คุณยายว่า จะไปเมืองนอกนะ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักแต่มีแค่เงินจำนวนดังกล่าวเท่านั้น และเพื่อที่จะไปเรียนภาษาที่เมืองแห่งหนึ่ง
แม่ผมได้เล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตให้ฟัง ในตอนที่แม่ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษในเมือง Banburry Oxfordshire ซึ่งเป็นระดับ Technical College ในอายุ 20ปี เรียนรวมชั้นกับเด็กอายุ 18 และแม่เป็นคนเอเชียคนเดียวในชั้น หรือแทบจะทั้งสถาบันเลยก็ว่าได้ แม่ยังเล่าให้ฟังอีกว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เงินไม่พอใช้ และทำงานพิเศษยันเช้า คุณตาพูดในสายโทรศัพท์ว่า ไม่มีเงินแล้วนะ และวางสาย วางสายทันที แม่ทำงานพิเศษเลิกเที่ยงคืนตีหนึ่งนอกนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปเรียนต่อตอนเช้า หรือเรียนทำการบ้านหนักจนถูกไล่ออกจากที่ทำงาน เปลี่ยนที่ทำงานบ้างอะไรบ้าง แต่นับว่าเป็นชีวิตที่ลำบากอยู่ไม่น้อย
แม่ได้กล่าวว่า
ความเป็นประเทศ วัฒนธรรมแบบอังกฤษสอนเรื่องเวลา
สาย 1นาทีไล่ออกก็เคยเจอมาแล้ว เนื่องจากทั้งเรียนทั้งทำงาน ไม่มีเวลาใช้เงินเหมือนคนอื่น
คนอังฤษพูดคำว่า Thank You Sorry บ่อยมากๆในทุกสถานการณ์ ถ้าไม่พูดจะโดนตำหนิแบบตรงๆว่าไม่มีมารยาท เป็นสิ่งที่ต้องทำในสังคมอังกฤษ แม่ยังบอกอีกว่า ยังติดนิสัยแบบนี้จนถึงปัจจุบันอยู่ แต่มันเป็ยสิ่งที่ดี แต่คนไทยยังมองว่า การใช้คำพวกนี้มากเกินไปในบางสถานการณ์ก็ไม่ได้จำเป็นนัก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน
คนเดินผ่่านสวนกันแบบไม่รู้ักกันทักทายกันเป็นเรื่องปกติ
หลังจากแม่เรียนจบ college ด้านการโรงแรม ก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อหาประสบการณ์เป็นเวลา 2ปี ทำงานเป็นพนักงานเสริ์ฟต่อหลังจากเรียนจบ และเที่ยวในสหราชอาณาจักร ทั้งสก็อตแลนด์และยุโรป จนเรียนจบกลับมามันยังส่งผลระยะยาว แม่ไปสมัครงานโรงแรมแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ครับ ได้เงินเดือนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน ได้เงินเดือนสูงกว่า คนจบตรีเมืองไทยแน่นอน
แรงบันดาลใจทั้งหมดเกิดจากทั้งพ่อและแม่ พ่อจบโทจากอเมริกา Sandiago State University CA MBA
จากเด็กเรียนไม่ได้เรื่อง ติดF เกือบรีทายมากจาก ป.ตรีเช่นกัน5555
มันส่งผลอะไรบ้าง ?
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าความทะเยอทะยานสามารถชนะข้อจำกัดและก้าวหน้าในชีวิตได้
และเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมีความคิดอย่างแน่วแน่ที่จะเรียนต่อ ตอนนี้เลือกประเทศอังกฤษเพราะมีชื่อเสียงมากกว่าในด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม
และนี่ก็เป็นเพียงบันทึกย่อๆ ที่อยากเขียนเฉยๆ ใครจะเข้ามาอ่านก็ยินดีครับ ขอบคุณครับ